บริการในอินเตอร์เน็ต(internet services)
บริการในอินเตอร์เน็ต
อินเตอร์เน็ต เปรียบเหมือนสังคมขนาดใหญ่ที่มีผู้เข้ามาร่วมใช้กันมากมาย ในระบบจึงมีการเตรียมบริการต่าง ๆ ไว้ให้เพื่อให้ผู้ใช้เข้ามาใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
บริการที่มีในอินเตอร์เน็ต จะแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ ดังนี้
- บริการข้อมูลมัลติมีเดีย ด้วย World Wide Web
- บริการรับส่งข่าวสารด้วย E- mail
- บริการส่งผ่านไฟล์ข้อมูลด้วย FTP
- บริการค้นหาข้อมูลด้วย Archie , Gopher , Veronica , และ WAIS
- บริการประกาศข่าวสาร ด้วย UseNet
- บริการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่อง ด้วย Tenet
เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW) เป็นบริการบนอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากลักษณะเด่นของเวิลด์ไวด์เว็บ ที่สามารถนำเสนอข้อมูลมัลติมีเดียที่แสดงได้ทั้งตัวหนังสือ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ซึ่งมีอยู่มากมาย และสามารถรวบรวมลักษณะการใช้งานอื่นๆ ในระบบอินเทอร์เน็ตเอาไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ การถ่ายโอนข้อมูล การสนทนา การค้นหาข้อมูล และอื่นๆ ทำให้เวิลด์ไวด์เว็บเป็นแหล่งข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยการเข้าสู่ระบบเวิลด์ไวด์เว็บ จะต้องใช้โปรแกรมการทำงานที่เรียกว่า เว็บเบราเซอร์ (Web Browser) เป็นตัวเชื่อมเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Internet Explorer และ Netscape Navigator
ลักษณะของเวิลด์ไวด์เว็บ คือ การนำเสนอข้อมูลต่างๆ มากมายในลักษณะหน้ากระดาษอิเล็กทรอนิกส์ ที่เรียกว่า เว็บเพจ (Web Page) เปรียบเสมือนหน้าหนังสือ หรือหน้านิตยสาร ซึ่งสามารถบรรจุข้อความ รูปภาพ และเสียงไว้ได้ด้วย โดยที่หน้าแรกของเว็บเพจ เรียกว่า โฮมเพจ (Home Page) ซึ่งภาษาที่ใช้ในการเขียนเว็บเพจ ให้สามารถดูได้ในเวิลด์ไวด์เว็บ เรียกว่า HTML (Hypertext Markup Language)
เมื่อเราเอาเว็บเพจหลายๆ เว็บเพจมารวมกันในแหล่งเดียวกัน เราเรียกว่า เว็บไซต์ (Web Site) เว็บไซต์แต่ละที่จะถูกเก็บไว้ในเว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server) แต่ละแห่ง โดยแต่ละแห่งก็จะมีโฮสต์ของตนเองทำหน้าที่ดูแลและพัฒนาข้อมูล ซึ่งโดยปกติจะเปิดอิสระให้ทุกคนเข้าไปเปิดดูข้อมูลได้ ขอเพียงแต่ให้ผู้ใช้ทราบที่อยู่ของเว็บเซิร์ฟเวอร์นั้นๆ ซึ่งที่อยู่นี้เรียกว่า ยูอาร์แอล (Uniform Resource Locator - URL) ซึ่งแต่ละยูอาร์แอลจะมีชื่อไม่ซ้ำกัน เช่น www.hotmail.com และ www.inet.co.th เป็นต้น ส่วนประกอบของยูอาร์แอลมักจะเขียนดังตัวอย่างนี้
โฮมเพจหรือเว็บเพจของแต่ละเว็บไซต์ จะมีทั้งข้อความและรูปภาพ ซึ่งตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เอกสารเหล่านี้จะมีข้อความที่บรรจุอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นหัวข้อ กลุ่มคำ หรือรูปภาพที่สัมพันธ์กับเนื้อหา แต่ไม่ได้แสดงเนื้อหาทั้งหมดไว้ในหน้าเดียว หากแต่มีคำสำคัญที่เน้นเป็นจุดเด่น มีสีสันชัดเจน หรือขีดเส้นใต้ไว้ ซึ่งโดยทั่วไปถ้าเราเอาเมาส์ไปวางไว้บนข้อความหรือรูปภาพนั้นๆ สัญลักษณ์ของเมาส์ก็จะเปลี่ยนจากรูปลูกศรมาเป็นรูปมือ ถ้าหากผู้ใช้ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ก็คลิกที่ข้อความหรือรูปภาพนั้น เว็บเพจที่เกี่ยวข้องกับข้อความหรือรูปภาพนั้นก็จะถูกเปิดขึ้นมา ลักษณะเช่นนี้เราเรียกว่าการเชื่อมโยงด้วย ไฮเปอร์ลิงก์ (Hyperlink) ซึ่งทำให้เราสามารถเชื่อมโยงหรือลิงก์ไปยังเว็บเพจอื่นๆ ในเว็บไซต์เดียวกัน และลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่นๆ ได้อย่างไม่จำกัด
Thai E-mail Marketing
รับทำการตลาดด้วยอีเมล์
E-Marketing ย่อมาจากคำว่า Electronic Marketing หรือเรียกว่า “การตลาดอิเล็กทรอนิกส์” หมายถึงการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดโดยใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ทันสมัยและสะดวกต่อการใช้งาน เข้ามาเป็นสื่อกลาง ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือพีดีเอ ที่ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันด้วยอินเทอร์เน็ต มาผสมผสานกับวิธีการทางการตลาด การดำเนินกิจกรรมทางการตลาด อย่างลงตัวกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กรอย่างแท้จริง ซึ่งในรายละเอียดของการทำการตลาด E-Marketing จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. เป็นการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในลักษณะเฉพาะเจาะจง (Niche Market)
2. เป็นลักษณะเป็นการสื่อสารแบบ 2 ทาง (2 Way Communication)
3. เป็นรูปแบบการตลาดแบบตัวต่อตัว (One to One Marketing หรือ Personalize Marketing) ที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายสามารถกำหนดรูปแบบสินค้าและบริการได้ตามความต้อง การของตนเอง
4. มีการกระจายไปยังกลุ่มผู้บริโภค (Dispersion of Consumer)
5. เป็นกิจกรรมที่นักการตลาดสามารถสื่อสารไปยังทั่วทุกมุมโลก ตลอด 24 ชั่วโมง (24 Business Hours)
6. สามารถติดต่อสื่อสาร โต้ตอบ ปฏิสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว (Quick Response)
7. มีต้นทุนต่ำแต่ได้ประสิทธิผล สามารถวัดผลได้ทันที (Low Cost and Efficiency)
8. มีความสัมพันธ์กับกิจกรรมการตลาดแบบดั้งเดิม (Relate to Traditional Marketing)
9. มีการตัดสินใจในการซื้อจากข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ (Purchase by Information)
E-Marketing เป็นส่วนผสมแนวความคิดทางการตลาด และทางเทคนิค รวมเข้าไว้ด้วยกันทั้งด้าน การออกแบบ (Design), การพัฒนา (Development), การโฆษณาและการขาย (Advertising and Sales) เป็น ต้น (ตัวอย่างกิจกรรมได้แก่ Search Engine Marketing, E-mail Marketing, Affiliate Marketing, Viral Marketing ฯลฯ) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจและลูกค้า เนื่องจากระบบทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถสนับสนุนการร้องขอข้อมูลของลูกค้า การจัดเก็บประวัติ และพฤติกรรมของลูกค้าเอาไว้ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ ส่งผลต่อ การเพิ่มและรักษา ฐานลูกค้า (Customer Acquisition and Retention) และอำนวยประโยชน์ในการประกอบธุรกิจอย่างครบถ้วน
ในขณะที่ การตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) จะมีรูปแบบที่แตกต่างจาก E-Marketing อย่างชัดเจน โดยการตลาดแบบดั้งเดิมนั้นจะมีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย จะไม่เน้นทำกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และมักจะใช้วิธี การแบ่งส่วนตลาด (Marketing Segmentation) โดยใช้เกณฑ์สภาพประชากรศาสตร์ หรือสภาพภูมิศาสตร์ และสามารถครอบคลุมได้บางพื้นที่ ในขณะที่ถ้าเป็น E-Marketing จะสามารถครอบคลุมได้ทั่วโลกเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ธุรกิจต่างๆ จึงได้ให้ความสนใจกับอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก รวมถึงได้มีการนำเอาแนวคิด E-Marketing มาประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
มั่นใจได้อย่างไรว่าอีเมล์มีผู้ใช้งานจริง!!
อีเมล์ของเราจะเป็นอีเมล์ที่ใหม่ซึ่งทีมงานจะดูดมาใหม่อยู่ตลอด เพื่อที่จะมาแทนอีเมล์เก่า อาทิเช่น วันนี้ดูดอีเมล์มาใหม่ได้ 10,000เมล์ เราก็จะลบเมล์เก่าออกหนึ่งหมื่นเมล์ ทำให้ท่านมั่นใจได้ว่าเมล์ของเรานั้นจะเป็นอีเมล์่ที่ยังมีผู้งานจริง
อีเมล์ของเรามาจากไหน
เมล์ของเรานั้นได้ดูดมาจากเว็บไซต์ดังต่างๆในประเทศได้แก่ thaisecondhand, pantip, pramool, dek-d, thaimsn, postjung,haapuen, wanjai, sanook, hunsa, kapook, teenee, jobth, jobpub, เว็บหางานต่างๆ เว็บหาเพื่อนต่างๆ เว็บขายสินค้า และอื่นๆ Inbox Hotmail
5 เหตุผลที่คุณไม่ควรปฏิเสธ E-Mail Marketing
Email marketing ก็คือการทำการตลาดตรงหรือ Direct Marketing นั่นแหละครับ โดยใช้ Email เป็นเครื่องมือสื่อสารในสิ่งที่เราต้องการเสนอไปยังกลุ่มเป้าหมายเพื่อหวังผ ลทางการตลาด เช่น เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บ เพิ่มยอดขาย สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือสมาชิก หาลูกค้าใหม่ หรือ เพิ่มรายได้จาก email ที่ส่งไป หรือ เพิ่มเงิน / สิ่งของบริจาคในกรณีของมูลนิธิต่าง ๆ เป็นต้น
สาเหตุที่ทำให้ E-Mail Marketing แพร่หลายมากในปัจจุบันและเป็น เหตุผลที่ที่คุณไม่ควรปฏิเสธ Email Marketing ได้แก่
1.ค่าจัดทำและค่าส่งไม่แพง
คุณลองนึกดูซิครับว่า หากคุณต้องการส่งโบรชัวร์สินค้าใหม่ล่าสุดพิมพ์ลงบนกระดาษ A 4 ถึงมือลูกค้าและสมาชิก 2 , 000 ราย แต่วิธีที่ส่งของคุณคือ ทางไปรษณีย์หรือ Direct Mail ค่าใช้จ่ายเพื่อทำการส่งแต่ละครั้งก็จะประกอบอะไรบ้างล่ะครับ ค่าออกแบบในกรณีที่ไม่มี graphic designer ของตัวเอง ค่าพิมพ์ ค่าจัดส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่มักละเลยคือ เปอร์เซ็นต์ของการตีกลับ หรือ จำนวนจดหมายที่ไม่ถึงมือ ซึ่งมากน้อยไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับคุณภาพของฐานข้อมูลลูกค้าหรือสมาชิก ความผิดพลาดของไปรษณีย์ คิดๆดูก็มากโขอยู่เหมือนกัน ตรงกันข้ามกับการส่ง Email สิ่งที่คุณต้องจ่ายเพื่อการส่ง Email แต่ละครั้ง ผู้สันทัดกรณีให้ข้อมูลเราว่า Email มันถูกกว่า Direct Mail ถึง 10 เท่า
2.รวดเร็วและแม่นยำ
หากจะเทียบขั้นตอนการทำ Email marketing กับ direct mail แล้ว การส่ง email นั้นมีกนะบวนการที่สั้นกว่ามาก นับตั้งแต่การออกแบบและเตรียมรายชื่อจนมาถึงการจัดส่ง email ออกไปโดยเฉลี่ยแล้วไม่เกิน 1 -อาทิตย์ก็สามารถส่งถึงมือลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ ยิ่งมี email template ไว้แล้วกระบวนการยิ่งสั้นลง (From Desktop-to-Desktop) นั่นหมายความว่าเราสามารถประหยัดเวลาเพื่อไปทำกรรมอื่นๆได้มากขึ้น ในขณะที่การส่ง Direct Mail แบบดั้งเดิมนั้นต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนตั้งแต่
การออกแบ บ >>> จัดทำอาร์เวิร์ค >>> กระบวนการพิมพ์ >>>Lettershopping >>> จัดส่งไปรษณีย์ หรือ ทีที่รับบริการส่งจดหมาย >>> Mail ถึงมือผู้รับ
ซึ่งต้องใช้เวลาในการจบกระบวนการนานกว่ามาก
3.เห็นผลเร็วกว่าDirectMail
ด้วยความรวดเร็วและประสิทธิภาพของ Email ทำให้ผู้ส่งสามารถรับรู้การตอบสนองของผู้รับที่มีต่อ Email ได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็น % ของการเปิด email(Open Rate) , % การของการคลิ๊กสินค้าที่นำเสนอใน email (CTR) ,email % ของการเห็นเนื้อหาของ Email (impression rate) เป็นต้น ในขณะที่ Direct Mail แบบเก่า คุณอาจจะไม่ทราบเลยว่า mail ที่คุณส่งไปจะได้รับการเมินหรือสนใจจากผู้รับสักกี่เปอร์เซ็นต์
4.ตรงกลุ่มเป้าหมาย
หากคุณต้องการที่จะเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มให้ได้ผลโดยใช้ Online Tool การส่ง E-Mail ไปยังกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเช่นสมาชิก นับว่าเป็นเครื่องมือที่สนองความต้องการของคุณได้มากพอสมควร แต่การที่จะเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มนั้น จำเป็นต้องอาศัยฐานข้อมูลลูกค้าที่ดีพอสมควร เพราะหากคุณมีเพียงแค่ e-mail โดยขาดข้อมูลที่จำเป็นอื่นๆ ของลูกค้าเช่น ประเภทสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าชอบ พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า เป็นต้น ก็คงต้องใช้วิธีหว่าน E-Mail ซึ่งไม่ใช่ Spam นะครับ ในกรณีนี้เป็นการส่งแบบไม่เลือกกลุ่มเป้าหมายแต่โอกาสจะคลิ๊กเปิดเมลล์ หรือ คลิ๊กเพื่อสั่งซื้อสินค้าของคุณอาจจะน้อยกว่า แต่หากคุณมีข้อมูลของฐานข้อมูลลูกค้าของคุณลึกพอ แบบว่าคุณสามารถระบุได้ว่าลูกค้ารายใดนิยมซื้อสินค้าประเภทใด เป็นต้น แนะนำให้คุณ Customize Email ไปเลยดีกว่า เช่นถ้าคุณขาย DVD/VCD หนัง และสามารถแบ่งลูกค้าที่นิยมซื้อ DVD ประเภท แอ็คชั่น หรือ ตลก เป็นกลุ่ม A กับ กลุ่ม B ตามลำดับ คุณก็สามารถส่ง E-mail Update หนังแนวแอ็คชั่นให้กับกลุ่ม A และ Update หนังแนวตลกให้กับกลุ่ม B ก็ได้ และ โอกาสได้รับการคลิ๊กก็สูงขึ้นด้วย
5.ส่งEmailเพื่อการตลาดนั้นง่ายแสนง่าย
เหตุที่มันง่ายแสนง่าย เพราะว่าในปัจจุบันมี เว็บไซด์ และ Software มากมายที่ช่วยให้คุณสามารถส่ง E-Mail ได้เป็นหมื่นๆ ภายในพริบตา เช่น เว็บไซต์เรา
คุณสมบัติของ Thai E-mail marketing
สามารถส่งอีเมล์ได้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นแบบข้อความหรือแบบหน้าเว็บ(html)
สามารถส่งe-mailได้หลายฉบับต่อหนึ่งครั้ง
สามารถส่งe-mailแบบแนบไฟล์ได้
สามารถส่ง e-mail แบบอีเมล์ปลอมได้ (กรณีที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน)
Thai E-Mail Marketing Pricing
แพคเ็กจ ราคา จำนวนอีเมล์ ระยะเวลาส่งงาน แถมป้ายโฆษณา
1. 500 บาท 20,000 ฉบับ 3 วัน ***
2. 1,000 บาท 50,000 ฉบับ 5 วัน 7 วัน
3. 1,900 บาท 100,000 ฉบับ 10 วัน 1 เดือน
4. 9,000 บาท 500,000 ฉบับ 50 วัน 6 เดือน
5. 12,500 บาท 700,000 ฉบับ 70 วัน 9 เดือน
6. 18,000 บาท 1,000,000 ฉบับ 100 วัน 15 เดือน
** ป้ายโฆษณาติดที่เว็บไซต์ ThaiMovie3G.Com UIP7000+/วัน PR3 ขนาด 120x120 ตำแหน่งผู้สนับสนุน B **
- ระยะเวลาส่งงาน ปรับให้เร็วขึ้นได้ตามความต้องกา้ร (โทรมาสอบถาม)
- สำหรับลูกค้าที่ไม่มี ป้ายโฆษณา เรายินดีจัดทำให้ฟรี!
หลักฐานที่ท่านจะได้รับ
ขั้นตอนการสั่งซื้อ
โอนเงินมาที่
ชื่อบัญชี : Nattapol C.
เลขบัญชี : 095-2-23321-3 ชื่อบัญชี : Nattapol C.
เลขบัญชี : 117-244661-7 ชื่อบัญชี : Nattapol C.
เลขบัญชี : 046-0-27297-4
รายละเอียดที่ท่านต้องแจ้ง
1.YourEmailอีเมล์ที่ใช้ส่ง
2.YourNameชื่อท่านชื่อร้านค้าชื่อเว็บไซต์
3.Reply-Toอีเมล์ที่ใช้รับเวลาลูกค้ากดตอบกลับ
4.รูปแบบPlain(ข้อความธรรมดา)หรือHTML(ข้อความสีสันและรูปภาพ)
5.Subjectหัวข้ออีเมล์
6. Message Box :เนื้อหาอีเมล์
วิธีแจ้งการโอนเงิน
1. โทรแจ้งรายละเอียดต่างๆที่เบอร์08-6666-886324ชม.
2.Faxโทรขอหลังโอนเงิน(ไม่ได้เปิดเครื่องไว้ตลอด)
3.แจ้งการโอนเงินทางอีเมล์ที่blackcodexp@hotmail.com
ตัวอย่างการส่งเมล์
หัวข้อแจ้งการโอนเงินสั่งซื้อโฆษณาทางอีเมล์
ข้อความ
สั่งซื้อ แพตเกด 4. 9,000บาท จำนวน 500,000ฉบับ ระยะเวลา 100วัน
2. โอนเงินไป 9,000.66 บาท เมื่อ 21/01/53 (ธ.ไทยพาณิชย์)
ชื่อของท่าน
E-Mail
เบอร์ : (เพื่อมีปัญหาได้ติดต่อสะดวก)
รายระเอียดในการโฆษณา
1.YourEmailsoft666@gmail.com
2.YourNameSoft666
3.Reply-Tosoft666@gmail.com(เมล์ที่ใช้รับตอนกดตอบกลับ)
4.รูปแบบข้อความPlain
5. Subject : Thai E-mail Marketing รับทำการตลาดด้วยอีเมล์ รับส่งอีเมล์จำนวนมาก ยิงเมล์ บอมเมล์ราคาเริ่มต้นที่500บาท
6.MessageBox
Thai E-mail Marketing รับทำการตลาดด้วยอีเมล์ รับส่งอีเมล์จำนวนมาก ยิงเมล์ บอมเมล์ ราคาเริ่มต้นที่ 500บาท
FTP ย่อมาจากคำว่า File Transfer Protocal คือ มาตรฐานที่กำหนดใช้เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลหรือการ Upload / Download ข้อมูลบน Internet ครับ โดยเราจะใช้โปรแกรมที่เรียกว่า FTP Client มาช่วยในการ Upload / Download ข้อมูลไปเก็บไว้ที่ Server เช่น โปรแกรม CuteFTP, WS_FTP, FileZilla ฯลฯ
ลักษณะการใช้งานเพื่อการ Upload / Download ข้อมูลก็เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน
โดยที่ผู้ใช้งานจะต้องมี User name และ Password ในการเข้าถึงไฟล์ข้อมูลที่อยู่บน Server ที่
ถูก Upload ขึ้นไปไว้นั่นเอง
• ปกติระบบ Windows เองเราสามารถใช้โปรแกรม Internet Explorer หรือ Windows Explorer ในการเข้าใช้งาน FTP ก็ได้ แต่เนื่องจากความแตกต่างของเวอร์ชั่นต่างๆ อาจเกิดปัญหาในการใช้งานและทำความยุ่งยากแก่ผู้ใช้ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของ FTP ผมก็เลยอยากแนะนำให้ใช้งานจากโปรแกรม FTP Client จะดีกว่าและสะดวกรวดเร็วกว่าครับ ... ซึ่งโปรแกรมที่ผมจะแนะนำครั้งนี้ก็คือโปรแกรมFileZillaซึ่งเป็นโปรแกรม"ฟรี"
ขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรม
ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา
• เลือก Option การติดตั้งคลิก Next ไปตามรูปภาพได้เลย
• ตรงนี้ให้คลิกเลือก "Desktop Icon" ด้วยเพื่อให้สร้าง icon ที่หน้าจอ Desktop ของเราด้วย จะได้เรียกใช้ได้สะดวก
• เริ่มต้นใช้งาน
ดับเบิ้ลคลิกที่ icon ของโปรแกรม FileZilla ที่หน้าจอ Desktop
• ตั้งค่าใช้งานเบื้องต้น เพื่อการใช้งานที่ง่ายและสะดวกขึ้นอีกนิด
• ไปที่เมนู "Edit" --> "Settings..." คลิกเลือกตรงส่วนของ Interface -> Themes เลือกให้แสดง icon ใช้งานของโปรแกรมให้ใหญ่ขึ้น ก็ให้เลือกขนาด 32x32 คิดว่าคงพอดีนะครับ ... หรือใครอยากจะใช้เมนูเป็นภาษาไทยก็เลือกเปลี่ยนตรงส่วนของ "Language" ซึ่งภาษาไทยก็มีให้ใช้งานกันครับ
• การเพิ่มไซต์เพื่อใช้รับ-ส่งไฟล์ ซึ่งเราจะต้องได้รับ User name และ Password จากผู้ให้บริการ FTP Server ก่อน ... คลิกที่ Tool bar ของโปรแกรมหรือจะเลือกที่เมนู "File" -> "Site Manager..." ดูตามภาพเลยครับ
• เราก็เพิ่มไซต์และกรอกข้อมูลของเราลงในช่องให้ถูกต้อง ตามขั้นตอนในภาพครับ ... ส่วนตรงช่อง User: ถ้าเราเป็นเจ้าของโดเมนหรือเจ้าของเว็บไซต์เองให้ใช้ User name ปกติโดยไม่มี @mydomain.com และถ้าเป็น User ย่อยของเว็บไซต์เราต้องกรอกให้เต็มโดยใช้ @mydomain.com ต่อชื่อ User ของเราไปด้วยครับ ... กรอกเรียบร้อยแล้วก็คลิก OK
• เริ่มใช้งานโดยเลือกไซต์ที่เราได้ตั้งเอาไว้แล้ว ... แล้วโปรแกรมก็จะ Connect ให้โดยอัตโนมัติ
• เริ่มใช้งานก็ง่ายๆครับ ...ถ้าอยากส่งไฟล์เราก็คลิกเม้าส์ปุ่มขวาที่ไฟล์บนเครื่องของเรา เลือกเมนู Upload และถ้าจะเอาไฟล์มาจากเว็บไซต์เราก็เลือกที่เม้าส์ปุ่มขวาที่ไฟล์ฝั่งของ Server เลือก Download
WWW
ระบบบริการสถานี (World Wide Web)
เป็นที่นิยมกันอย่างสูงในปัจจุบัน ไม่เฉพาะข้อมูลโฆษณาสินค้า ยังรวมไปถึงข้อมูลทางการแพทย์ การเรียน งานวิจัยต่างๆ เพราะเข้าถึงกลุ่มผู้สนใจได้ทั่วโลก ตลอดจนข้อมูลที่นำเสนอออกไป สามารถเผยแพร่ ได้ทั้งข้อมูลตัวอักษร ข้อมูลภาพ ข้อมูลเสียง และภาพเคลื่อนไหว มีลูกเล่นและเทคนิคการนำเสนอ ที่หลากหลาย อันส่งผลให้ระบบ WWW เติบโตเป็นหนึ่ง ในรูปแบบบริการ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของ ระบบอินเทอร์เน็ต
ลักษณะเด่นของการนำเสนอข้อมูลเว็บเพจ คือ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลไปยังจุดอื่นๆ บนหน้าเว็บได้ ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บอื่นๆ ในระบบเครือข่าย อันเป็นที่มาของคำว่า HyperText หรือข้อความที่มีความสามารถ มากกว่าข้อความปกตินั่นเอง จึงมีลักษณะคล้ายกับว่าผู้อ่านเอกสารเว็บ สามารถโต้ตอบกับเอกสารนั้นๆ ด้วยตนเอง ตลอดเวลาที่มีการใช้งานนั่นเอง
。 E-Mail
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail or E - mail)
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือที่เรียกย่อๆ ว่า e - mail เป็นวิธีติดต่อสื่อสารกันบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยที่สามารถส่งเอกสารที่เป็นข้อความธรรมดา จนถึงการส่งเอกสารแบบมัลติมีเดียที่มีทั้งภาพและเสียง ในการส่งผู้ที่ต้องการส่งและรับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จะต้องมี E-mail Address ที่แน่นอน
FTP
การขนถ่ายแฟ้มข้อมูล (File Transfer Protocol)
FTP หรือ File Transfer Protocol เป็นบริการคัดลอกข้อมูลข้ามเครือข่าย โดย
ใช้ในการส่งข้อมูลจากเครื่องลูกไปยังเครื่องแม่ข่าย (Server)
ใช้ในการดาวน์โหลดข้อมูล จากเครื่องแม่ข่าย มาไว้ที่เครื่องลูก
การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล หรือ FTP เป็นบริการอีกประเภทหนึ่งของอินเตอร์เน็ตเครือข่ายหลายแห่งเปิดบริการสาธารณะให้ผู้ใช้ภายนอกสามารถถ่ายโอนข้อมูล โดยไม่ต้องป้อนรหัสผ่านและถ่ายโอนได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แฟ้มข้อมูลที่ถ่ายโอน มีทั้งข้อมูลทั่วไป ข่าวสารประจำวัน บทความรวมถึงโปรแกรม
USENET
กลุ่มสนทนาและข่าวสาร (Usenet User News Network)
Usenet ช่วยให้ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่างระบบกันสามารถที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเรื่องต่าง ๆ เช่น การเสนอข้อคิดเห็น อภิปรายโต้ตอบตามกลุ่มย่อยที่เรียกว่า กลุ่มข่าว (News Group) ตามหมวดหมู่ที่มีการกำหนดไว้ หรืออาจจะกำหนดเพิ่มเติมก็ได้ เช่น กลุ่มผู้สนใจด้านศิลปะ, ด้านโปรแกรม เป็นต้น
ปัจจุบันเป็นบริการหนึ่งที่นิยม และมีการปรับรูปแบบให้อยู่ในรูปของเอกสาร HTML ทำให้สามารถเรียกดู และใช้งานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว
CHAT
สนทนาทางเครือข่าย
Talk เป็นบริการสนทนาทางเครือข่ายระหว่างผู้ใช้สองคนโดยไม่จำกัดว่าผู้ใช้ทั้งสองกำลังทำงานภายใน ระบบเดียวกัน หรือต่างระบบกัน ผู้ใช้ทั้งสองสามารถพิมพ์ข้อความโต้ตอบกันแบบทันทีทันใดได้พร้อมๆ กันข้อความที่พิมพ์ผ่านแป้นพิมพ์ จะไปปรากฏบนหน้าจอของ ผู้สนทนา การสนทนาบนเครือข่าย
อีกรูปแบบหนึ่งที่แพร่หลาย คือ IRC (Internet Relay Chart) ซึ่งเป็นการสนทนาทางเครือข่ายเป็นกลุ่มได้พร้อมกันหลายคน
Teleconference
บริการสืบค้นข้อมูลข้ามเครือข่าย
เครือข่ายอินเตอร์เน็ตในยุคเริ่มต้นเป็นเครือข่ายที่มีคอมพิวเตอร์ไม่กี่ร้อยเครื่องต่อเชื่อมกันอยู่ขนาดของเครือข่าย จึงไม่ใหญ่เกินไป สำหรับการขนถ่ายแฟ้มเพื่อการถ่ายโอน แต่เมื่ออินเตอร์เน็ตขยายตัวขึ้นมากและมีผู้ใช้งานแทบทุกกลุ่ม การค้นหาแฟ้มข้อมูลจึงยุ่งยากขึ้นด้วยเหตุนี้จึงมีการพัฒนาระบบ ARCHIE อำนวยความสะดวกช่วยในการค้นหาแฟ้ม และฐานข้อมูลว่าอยู่ที่เครื่องใด เพื่อจะใช้ FTP ขอถ่ายโอนได้ การบริการจะต้องใช้โปรแกรม Archie, Gopher, VERONICA และ WAIS
:Archie
เป็นวิธีการแบบง่าย ในการที่จะค้นหาสารสนเทศ ในลักษณะของ anonymous ftp พัฒนาจากมหาวิทยาลัย Mc Gill ใน Montreal ประเทศแคนาดา โปรแกรมนี้เป็นความพยายามอันแรก ที่จะใช้ระบบ Internet เป็น Catalog เพื่อเก็บและเผยแพร่ข้อมูล สารสนเทศบนเครือข่าย คุณสามารถส่งคำถาม ไปยังเครื่องที่บริการด้วย E-mail และเครื่องบริการก็จะตอบคำถามกลับมา
:Gopher
พัฒนาจากมหาวิทยาลัย Minnesota เป็นวิธีการซึ่งสามารถที่จะค้นหา และ รับข้อมูลแบบง่าย บน Internet โดยไม่ยุ่งยาก และสามารถรับข้อมูลได้หลาย แบบ เช่น ข้อความ เสียง หรือภาพ Gopher นั้น ทำงานผ่านเครือข่ายโดยอัตโนมัติ โดยมีตัวให้บริการ อยู่ทั่วไปบน Internet แต่ละตัวให้บริการ จะเก็บข้อมูลของตนเอง รวมถึงการเชื่อมโยงไปยังตัวให้บริการอื่นๆ ในการเข้าถึง Gopher ด้วย Gopher name
:Veronica
มาจากคำว่า Very Easy Rodent-Oriented Net-oriented Index to Computerized Archives ซึ่งพัฒนาจาก มหาวิทยาลัยแห่ง Nevada ซึ่งจะใช้การค้นหาด้วย Key Word ในทุกๆ ตัวให้บริการ และทุกๆ เมนู หรือเรียกอีกแบบหนึ่งได้ว่า เก็บดัชนีของทุกๆ ตัวให้บริการ ไว้ที่ Veronica
:WAIS
มาจากคำว่า Wide Area Information Sever สามารถใช้โปรแกรมนี้ ในการค้นหาแหล่งข้อมูล โดยใช้ภาษาแบบปกติ ไม่ต้องใช้โปรแกรมภาษาพิเศษ หรือภาษาของฐานข้อมูลในการค้น WAIS ทำงานโดยการรับคำร้อง ในการค้นและเปรียบเทียบ ในเอกสารต้นฉบับว่าเอกสารใด ตรงกับความต้องการ และส่งรายการทั้งหมดมายังผู้ที่ต้องการ
Push Technology
เป็นเทคโนโลยีการนำข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์ที่เราชื่นชอบ ส่งมาที่คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ โดยผู้ใช้ไม่ต้องไปดึง (Pull) ข้อมูลจากเว็บไซต์เอง แต่เว็บไซต์จะผลัก (Push) ข้อมูลมาให้กับผู้ใช้อัตโนมัติ ส่วนใหญ่จะเป็นเว็บไซต์ประเภทข่าวสาร เช่น CNNPN , ABCNEWS เป็นต้น
ความหมาย
:Usenet มาจากคำว่า "User's Network" คือ ระบบนิวส์กรุ๊ป (newsgroup) หนึ่ง ที่มีส่วนให้อภิปรายมากกว่า 14,000 หัวข้อ เปรียบเสมือนบอร์ดข่าวสารบนอินเตอร์เนต ที่ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถนำวารสาร หรือความคิดเห็นของตนเองมาใส่ไว้ เพื่อให้ผู้อื่นได้อ่าน โดย Usenet จะมีกลุ่มสนทนาและเปลี่ยนข้อมูลในหัวข้อต่าง ๆ ที่เรียกว่า กลุ่มข่าว หรือ นิวส์กรุ๊ป (Newsgroup) และเพื่อสะดวกในการใช้งานของผู้ใช้ usenet จึงทำการแบ่งหมวดหมู่ โดยใช้ชื่อของกลุ่มข่าว เพื่อสื่อความหมาย เช่น comp เป็นประเภทกลุ่มข่าวคอมพิวเตอร์, misc เป็นประเภทกลุ่มข่าวสัพเพเหระทั่วไป ที่จัดกลุ่มไม่ได้ เป็นต้น
:User network เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ใหญ่ เป็นตัวอำนวยความสะดวกในอินเทอร์เน็ต (internet) อีกทีหนึ่ง เป็นผู้จัดการเกี่ยวกับเรื่องข่าวสารต่าง ๆ
หลักการทำงานUseNet ทำงานอย่างไร ?
1. UseNet อาจเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ กระดานข่าว ( bulletin board ) ระดับโลก ซึ่งเก็บรวบรวมข้อความหรือข่าวเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องต่าง ๆ นับพันเรื่องไว้ใน newsgroups ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเป็นอิสระที่ใครก็สามารถเข้าร่วมวงได้ newsgroups อาจพบได้ในโฮสต์คอมพิวเตอร์หลาย ๆ แห่งทั่วทั้งอินเตอร์เน็ต มี newsgroups อยู่นับเป็นพัน ๆ กลุ่มที่ครอบคลุมหัวข้อในเกือบทุก ๆ เรื่องที่คุณสามารถจะนึกขึ้นได้ รวมทั้งบางหัวข้อที่คุณอาจนึกไม่ถึงมาก่อนก็มี
2. ในการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ผู้คนจะส่งข่าวและอ่านข่าวที่ผู้อื่นส่งเข้ามาที่ newsgroups ซึ่งมี newsgroups อยู่สองประเภทนั่นคือแบบที่มีการตรวจ ( moderated ) และแบบที่ไม่มีการตรวจสอบ ( unmoderated)
3. ใน newsgroups แบบที่มีการตรวจสอบ ผู้ตรวจสอบที่เป็นคนจริง ๆ จะรับและอ่านข่าวทั้งหมดที่ส่งเข้ามาที่ newsgroups แล้วผู้ตรวจสอบนี้จะตัดสินใจว่าข่าวใดบ้างที่ควรหรือไม่ควรจะส่งเข้าไปตีพิมพ์ ( post )ลงใน newsgroups ข่าวใดที่ถูกจัดให้ลงใน newsgroups ก็จะถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์ที่เป็น server ส่วนที่เหลือก็จะถูกทิ้งไป ส่วนใน newsgroups ที่ไม่มีการตรวจสอบ ข่าวทั้งหมดจะถูก ส่งโดยตรงไปยัง server เลย ข่าวใน newsgroups ทั้งหมดจะถูกเก็บบน UseNet server โดยแบ่งเป็นหัวข้ออย่างกว้าง ๆ แล้วก็แตกเป็นหัวข้อที่ละเอียดลงไป
4. UserNet server ทั้งหมดจะติดต่อถึงกัน ดังนั้นข่าวที่ส่งเข้าไปยังเซิร์ฟเวอร์หนึ่งก็จะถูกทำสำเนาส่งต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ แต่ถึงจะมี UserNet server อยู่มากมาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุก ๆ เซิร์ฟเวอร์จะเก็บ newsgroups ทุก ๆ กลุ่ม แต่ละที่จะพิจารณาเองว่าจะเก็บกลุ่มไหนไว้บ้าง
5. ไฟล์รูปภาพ มัลติมีเดีย และแม้กระทั่งไฟล์โปรแกรม ก็สามารถถูกส่งไปที่ newsgroups ได้ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีที่ใช้ใน newsgroups ทำให้จำเป็นต้องเข้ารหัสไฟล์เหล่านี้ก่อนที่จะส่งมันเข้าในกลุ่ม และในการที่จะดูมันได้ คุณจะต้องโอนมันเข้ามายังคอมพิวเตอร์ของคุณก่อน แล้วก็ค่อยถอดรหัสมันด้วยซอฟต์แวร์พิเศษ วิธีการเข้ารหัสที่ใช้ใน newsgroups เรียกว่า UUencode ซึ่งมีโปรแกรมสำหรับการเข้าและถอดรหัสแบบนี้ใช้บนคอมพิวเตอร์ทุกประเภททั้งพีซี แมคอินทอช และ UNIX
6. ซอฟต์แวร์ตัวอ่าน newsgroups ทำให้คุณอ่านข่าวหรือบทความและตอบกลับไปยัง newsgroups ได้ ซอฟต์แวร์นี้จะช่วยให้คุณจัดการ newsgroups ของคุณได้ โดยให้คุณสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ newsgroups เพื่อให้ข่าวใหม่ ๆ ถูกส่งมาหาคุณโดยอัตโนมัติ เมื่อคุณเข้าไปเชื่อมต่อที่เซิร์ฟเวอร์ และคุณยังสามารถที่จะยกเลิกการเป็นสมาชิกได้ด้วย
สรุปหลักการทำงาน Usenet
USENET คือ กลุ่มของ Newsgroup (คือ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้งานระบบเครือข่ายทุก ๆ คน สามารถส่งข้อความไว้และผู้อื่นที่สนใจก็จะสามารถเข้ามาอ่านได้) นับพัน ๆ กลุ่ม ในระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งจะมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันไปยูสเน็ตก็เหมือนกับแผ่นป้ายประกาศขนาดยักษ์ ซึ่งแผ่นนี้แบ่งเป็นส่วนย่อยๆมากมายมหาศาล ส่วนย่อยๆเหล่านี้ก็ว่าด้วยหัวข้อต่างๆกัน สุดแท้แต่จะมีใครอยากแลกเปลี่ยนข่าวสารหรืออยากพูดคุยอภิปรายกันในประเด็นใด ผู้อ่านป้ายประกาศยักษ์นี้ก็ได้แก่เหล่าสมาชิกอินเทอร์เน็ตทั่วทั้งโลกนั่นเอง ใครที่มีข่าวสารอยากจะกระจายให้ทั้งโลกรับรู้ก็สามารถประกาศได้บนยูสเน็ตนี้
การประยุกต์ใช้งานจริง
Usenet News เป็นอีกบริการหนึ่งในอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีลักษณะเป็นกลุ่มสนทนาเพื่อ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งคล้ายคลึงกับการเปิดเวทีสาธารณะให้ผู้คนทั่วโลก มาแสดงความคิดเห็นร่วมกัน โดยผู้ใช้สามารถสมัคร (Subscribe) เข้าเป็นสมาชิกกลุ่มหัวข้อใด ก็ได้ที่ตนเองสนใจโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อเป็นสมาชิกแล้วก็จะสามารถเรียก ดูข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่อยู่ภายในกลุ่มหัวข้อนั้นได้ และยังสามารถขอความคิดเห็นหรือร่วมแสดงความคิดเห็น สอบถามข้อปัญหา หรือตอบข้อปัญหาของผู้อื่นที่ถามมาในกลุ่มหัวข้อนั้น ๆ ได้ สำหรับ Usenet News ได้มีการจัดแบ่งเป็นกลุ่มหัวข้อต่าง ๆ พร้อมทั้งยังมีกลุ่มหัวข้อย่อยไว้มากมายนับพัน ๆ กลุ่ม เช่น กลุ่มการเมือง กลุ่มเทคนิคด้านคอมพิวเตอร์ กลุ่มดนตรี กลุ่มศิลปะ กลุ่มกีฬา เป็นต้น กลุ่มหัวข้อใน Usenet News เหล่านี้จะเรียกว่า Newsgroup และประเด็นข้อมูลข่าวสารในแต่ละกลุ่มหัวข้อจะเรียกว่า Article หากประสงค์ที่จะไม่ต้องการอ่านข่าวสารในกลุ่มหัวข้อนั้นอีก ก็สามารถยกเลิกการเป็นสมาชิก (Unsubscribe) ของกลุ่มหัวข้อนั้นได้รูปแบบของ Article ของคล้ายคลึงกับโครงสร้างของอีเมล์ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน คือ - ส่วนหัว เป็นส่วนที่บอกข้อมูลทางเทคนิคที่เกี่ยวกับ Article นั้น เช่น หัวข้อเรื่องอะไร ใครเป็นผู้ส่ง ส่งมาจากที่ไหน ลงวันที่เท่าไหร่ เป็นต้น ซึ่งส่วนหัวนี้จะมีรายละเอียดได้ไม่เกิน 20 บรรทัด - ส่วนเนื้อความ เป็นเนื้อหาของ Article นั้น - ส่วนท้าย เป็นส่วนที่บอกรายละเอียดของผู้ส่ง เช่น ชื่อ นามสกุล อีเมล์แอดเดรส และข้อความลงท้าย ซึ่งมีความยาวประมาณ 2-3 บรรทัด ซึ่งส่วนท้ายนี้อาจจะมีหรือไม่ก็ได้ เนื่องมาจากการที่มีกลุ่มหัวข้อต่าง ๆ ใน Usenet News เป็นจำนวนมาก จึงจัดเป็นประเภทได้โดยใช้ชื่อย่อนำหน้าของกลุ่มหัวข้อหลักประเภทต่าง ๆ ดังตัวอย่างในต่อไปนี้
ชื่อย่อ กลุ่มหัวข้อ
alt. Alternative หัวข้อหลากหลายเรื่องภายในกลุ่ม
biz. Business หัวข้อเกี่ยวกับธุรกิจ
Comp. Computer หัวข้อเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
human ities. Humanities หัวข้อเกี่ยวกับศิลปะ วรรณคดี ปรัชญา
misc. Miscellaneous หัวข้อทั่ว ๆ ไป ที่ไม่สามารถจัดให้อยู่ในกลุ่มใด ๆ ได้
news. News หัวข้อเกี่ยวกับ Usenet
rec. Recreation หัวข้อเกี่ยวกับสันทนาการและงานอดิเรกต่าง ๆ
sci. Science หัวข้อที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทุกสาขา
soc. Social หัวข้อที่เกี่ยวกับสังคมศาสตร์
talk. Talk หัวข้อเกี่ยวกับการพูดคุยถกปัญหากัน
กลุ่มหัวข้อต่าง ๆ จะมีชื่อคล้ายกับระบบโดเมน กล่าวคือจะประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลักคือ ชื่อกลุ่มหัวข้อหลัก ชื่อกลุ่มหัวข้อย่อยและอาจมีประเภทของกลุ่มหัวข้อย่อยในลำดับต่อไป แต่สำหรับในระบบของ Usenet News นั้นชื่อกลุ่มหัวข้อหลักจะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนชื่อของกลุ่มหัวข้อย่อยรอง ๆ ลงไปจะอยู่ทางขวามือตามลำดับ โดยคั่นด้วยเครื่องหมายจุด ชื่อของกลุ่มหัวข้อ อาจจะมีความยาวไม่แน่นอน ตัวอย่างเช่น comp.ai.neural-nets คือ กลุ่มหัวข้อหลักด้านคอมพิวเตอร์ (computer) และมีความสนใจทางสาขาด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificail Intelligence) และสนใจในเรื่องของนิวรอล-เน็ตเวิร์ก (neural-netswork) หรือ sci.polymers คือ กลุ่มหัวข้อหลักด้านวิทยาศาสตร์ (science) ที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องโพลิเมอร์ (polimers) เป็นต้น เมื่อในอดีตนั้นบริการ Usenet News ใช้โปรโตคอล UUCP (Unix-to-Unix Copy) ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารบนเครือข่าย ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาใช้โปรโตคอล NNTP (Network News Transmission Protocol) แทน โปรแกรมสำหรับใช้ในบริการ Usenet News นี้ก็มีมากมายหลายโปรแกรม เช่น โปรแกรม rn, tin และ rtin และยังสามารถใช้บริการในเครือข่าย WWW เพื่อใช้บริการ Usenet News ผ่านทาง Web Browser ได้เช่นกัน ปัจจุบันบนมีเว็บไซต์จำนวนมากได้เปิดให้บริการ Usenet News โดยจัดกลุ่มหัวข้อในลักษณะของไดเร็คทอรี ทำให้สามารถค้นหา กลุ่มหัวข้อที่น่าสนใจได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมที่ถูกสร้างมาเพื่อใช้อ่านข่าวโดยเฉพาะอย่างเช่น โปรแกรม Knews เป็นต้น
คำถามทดสอบ
1..Usenet คืออะไร
ก.บอร์ดข่าวสารบนอินเตอร์เน็ต ที่ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถนำข่าวสาร หรือความคิดเห็นของ ตนเองมาใส่ไว้ เพื่อให้ผู้อื่นได้อ่าน
ข.ระบบสารสนเทศ
ค.ระบบจัดส่งงาน
ง.ระบบจัดซื้อ
จ.ไม่มีข้อถูก
2.Usenet ย่อมาจากอะไร
ก.University
ข.Unicorn
ค.User Network
ง.Ukata
จ.ไม่มีข้อถูก
3.Usenet แบ่งได้กี่หมวดหมู่
ก.1
ข.2
ค.3
ง.ไม่จำกัด
จ.ถูกทุกข้อ
4.Usenet มีการทำงานเป็นระบบใด
ก.ใยแมงมุม
ข.เครือข่าย
ค.Organizetion
ง.In put
จ.ถูกทุกข้อ
5.ข้อใด คือ จุดประสงค์หลักการทำงาน Usenet
ก.การหาเพื่อน
ข.การหาแฟน
ค.การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ง.การติดต่อซื้อขาย
จ.ถูกทุกข้อ
6.ในอดีตนั้นบริการ Usenet News ใช้อะไรในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารบนเครือข่าย
ก.โปรเก็บเงิน
ข.โปรยิงเร็ว
ค.โปรโตซัว
ง.โปรโตคอล UUCP (Unix-to-Unix Copy)
จ.ไม่มีข้อถูก
7.ในปัจจุบันนั้นบริการ Usenet News ใช้อะไรในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารบนเครือข่าย
ก.โปรฟันไว
ข.โปรโตคอล NNTP (Network News Transmission Protocol)
ค.โปรโตคอล UUCP (Unix-to-Unix Copy)
ง.โปเตโต้
จ.ไม่มีข้อถูก
8.ระบบเครือข่าย Usenet มีกี่ User
ก.1
ข.2
ค.3
ง.4
จ.ไม่มีข้อถูก
9.ข้อใดกล่าวถูกเกี่ยวกับ Usenet
ก.บอร์ดข่าวสารบนอินเตอร์เนต
ข.ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถแชร์ข่าวสาร
ค.ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถแชร์ความคิดเห็น
ง.ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถถามตอบกันได้
จ.ถูกทุกข้อ
10.ข้อใดคือประโยชน์ Usenet
ก.รับฟังข่าว
ข.ติดต่อสื่อสาร
ค.หาความรู้
ง.ติดต่อซื้อขาย
จ.ถูกทุกข้อ
เฉลย
ก,ค,ง,ข,ค,ง,ข,จ,จ,จ